OUR PROJECT
How can we help?
ข้อดีของการใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ ?
กระเบื้องผนังและกระเบื้องปูพื้นแกรนิตโต้ เป็นแผ่นกระเบื้องที่มีข้อดีหลากหลายด้าน ทั้งคุณสมบัติของแผ่นกระเบื้องเอง ปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายและการติดตั้ง โดยมีข้อดีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย กระเบื้องแกรนิตโต้เป็นกระเบื้องที่มีน้ำหนักเบากว่ากระเบื้องหินแกรนิตธรรมชาติ จึงตัดแบ่งได้และติดตั้งได้ง่ายด้วยการปูกระเบื้องแกรนิตโต้ตามปกติ โดยเลือกใช้กาวซีเมนต์ทั่วไปได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคราบขาว
- ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย กระเบื้องแกรนิตโต้มีราคาถูกกว่ากระเบื้องแกรนิตจากธรรมชาติที่หาได้ยากมากกว่า และหาซื้อได้ง่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป
- แข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน เนื่องจากกระเบื้องแกรนิตโต้มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต และนำไปผ่านความร้อนสูงจึงช่วยให้แผ่นกระเบื้องมีเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น จึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป
- ดูดซึมน้ำต่ำ กระเบื้องแกรนิตโต้เป็นกระเบื้องดูดซึมน้ำต่ำกว่า 0.1% จึงทนทานต่อความชื้น ใช้งานได้อย่างยาวนาน ปลอดภัยจากปัญหากระเบื้องหลุดล่อนจากความชื้น
- มีลวดลายให้เลือกหลายแบบ นอกจากลายหินแกรนิตแล้ว กระเบื้องแกรนิตโต้ยังมีลวดลายให้อีกหลายแบบทั้งหินอ่อน หินขัด กระเบื้องลายไม้ และสีพื้นทั่วไป เหมาะสำหรับทุกการตกแต่ง
กระเบื้องแกรนิตโต้ต่างจากกระเบื้องหินแกรนิตธรรมชาติอย่างไร ?
หินแกรนิต คือ หินธรรมชาติที่มีลักษณะลวดลายเฉพาะไม่ซ้ำกันแต่ละแผ่นเวลาตัดเข้ารูปพร้อมจำหน่ายลวดลายจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบทางเคมี แร่ธาตุ ที่หินนั้นถูกพบตามธรรมาชาติ ถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่สำคัญของพื้นชนิดนี้ ช่วยสร้างเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ส่วนใหญ่มักเป็นสีน้ำตาล สีส้ม สีชมพู สีขาว และสีเทา อีกทั้งยังนิยมนำไปใช้เป็นท็อปเคาน์เตอร์ครัว อ่างล้างหน้า สามารถเลือกตัดไซซ์ได้ตามต้องการ
นอกจากนี้หินแกรนิตส่วนใหญ่มักมีผิวสัมผัสมันเงา แต่สามารถทำให้เป็นผิวด้านได้ด้วยเทคนิคพ่นทราย ข้อดีคือเป็นหินแผ่นเดียวไม่มีรอยตัด แต่ราคาแพงกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ นอกจากนี้การนำไปติดตั้งต้องใช้กับกาวซีเมนต์ชนิดไม่มีคราบขาว เพื่อไม่ให้เกิดคราบขาวกับหินแกรนิตซึ่งจะเกิดขึ้นกับหินธรรมชาติในระหว่างใช้งาน
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น จระเข้จึงมีตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของกระเบื้องแกรนิตโต้และกระเบื้องหินแกรนิตธรรมชาติ มาเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังเลือกกระเบื้องปูพื้นบ้านกัน
กระเบื้องแกรนิตโต้มีลายอะไรบ้าง ?
1. ลายหินหรือลายหินขัด
ลายหินธรรมชาติเป็นลายที่ถูกทำขึ้นให้เหมือนกับกระเบื้องหินแกรนิตจากธรรมชาติ และลายหินขัด คือ ลายที่เกิดจากการนำเศษหินหลอมในคอนกรีต และขัดให้เกิดความเงางาม
2. ลายหินอ่อน
ลายหินอ่อนเป็นอีกหนึ่งลวดลายยอดนิยมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โดยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ หลายสีสัน
3. ลายไม้
สำหรับใครที่อยากตกแต่งบ้านให้มีบรรยากาศเป็นธรรมชาติมากขึ้น และอยากเลือกใช้พื้นลายไม้ แต่ต้องการความแข็งแรงแบบพื้นกระเบื้อง สามารถเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ลายไม้ได้เช่นกัน
4. สีพื้นทั่วไป
นอกจากลวดลายต่าง ๆ แล้ว กระเบื้องแกรนิตโต้ก็ยังมีสีพื้นทั่วไปให้เลือกเช่นเดียวกัน จะตกแต่งด้วยสีขาว สีครีม สีเทา หรือสีอื่น ๆ
5. ลายโบราณหรือลายวินเทจ
อีกหนึ่งลวดลายแปลกตาที่กระเบื้องแกรนิตโต้มีให้เลือก สำหรับลายโบราณหรือลายวินเทจ ซึ่งจะเน้นลวดลายแปลกตา
กระเบื้องแกรนิตโต้ควรใช้กาวยาแนวประเภทใด?
การเลือกใช้กาวยาแนวให้เหมาะสมกับกระเบื้องแต่ละประเภทเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากต้องการให้ยาแนวอยู่คู่กับกระเบื้องไปนานๆ เนื่องจากกระเบื้องแต่ละประเภทมีความหนาที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะกระเบื้องแกรนิตโต้ จะมีความหนาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ซม. ซึ่งหากใช้กาวยาแนวทั่วไปยาแนวกระเบื้องประเภทนี้จะทำให้กาวยาแนวหลุดล่อนได้ง่าย ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากกาวยาแนวทั่วไปมีแรงยึดเกาะที่ต่ำ และมีหน้าสัมผัสระหว่างยาแนวกับกระเบื้องที่น้อย จึงเกิดโพรงอากาศหรือช่องว่างระหว่างยาแนวกับพื้น (ตามรูป) ยิ่งหากนำไปใช้ในพื้นที่ที่ใช้งานเป็นประจำอย่าง ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ก็จะทำให้อายุการใช้งานของกาวยาแนวสั้นลงจากการหลุดล่อนของกาวยาแนว
การเลือกใช้ปูนที่เหมาะกับการปูกระเบื้องแกรนิตโต้
ในการปูกระเบื้องไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้หรือกระเบื้องประเภทอื่นๆก็ตาม ไม่ควรใช้ปูนซีเมนต์หรือปูนก่อในการปูกระเบื้อง เนื่องจากมีแรงยึดเกาะน้อย ไม่ได้มาตรฐาน จึงทำให้กระเบื้องหลุดล่อนและระเบิดได้ง่าย
ซึ่งแตกต่างจากกาวซีเมนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่องานปูกระเบื้องโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย มีแรงยึดเกาะสูง ทนทาน คุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว และสามารถรองรับการยืดหดตัวของกระเบื้องได้ตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการหลุดล่อนและการระเบิดของกระเบื้อง
วิธีการใช้กาวซีเมนต์ที่ถูกต้อง ควรผสมน้ำตามอัตราส่วนที่ระบุไว้บนถุงของกาวซีเมนต์ของแต่ละรุ่น และใช้คู่กับเกรียงหวีให้เหมาะกับกระเบื้องแต่ละประเภท เพราะจะช่วยป้องกันปัญหากระเบื้องแตกร้าวตามขอบมุมกระเบื้อง และทำให้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะได้ดีตามที่ถูกออกแบบมา
ไม่แนะนำให้ปูแบบซาลาเปาหรือปูขุยหนู เพราะจะทำให้กระเบื้องยึดเกาะกับพื้นหรือผนังได้ไม่เต็มผิวสัมผัส ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้กระเบื้องหลุดล่อนในภายหลังได้
เคล็ดลับพื้นสวย ร่องยาแนวชัด ทนทาน
การปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ควรทำความสะอาดพื้นผิวก่อนการปูให้ปราศจากฝุ่น ละออง ความชื้น เพื่อให้กระเบื้องยึดติดแน่นกับพื้นได้ดีที่สุด รวมถึงลดการเกิดปัญหาหลุดล่อนภายหลัง ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากการปูกระเบื้องลงบนปูนกาวซีเมนต์ ห้ามทำการฉาบเป็นจุด ๆ หรือ ก้อนซาลาเปา เนื่องจากจะทำให้กระเบื้องเกิดการหลุดล่อน แตก หรือ ยุบได้ง่าย ตัวกระเบื้องด้านหลังต้องฉาบปูนให้เต็มแผ่นก่อนปูลงบนพื้นผิว เมื่อขั้นตอนการปูไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้กระเบื้องระเบิด หรือยาแนวหลุดล่อน จากช่างปูกระเบื้องเว้นระยะกระเบื้อง หรือ เว้นช่องระหว่างกระเบื้องน้อยเกินไปตัวยาแนวไม่สามารถลงไปอุดตามร่องได้
กระเบื้องแกรนิตโต้นิยมใช้ที่ห้องไหนในบ้าน ?
- ห้องนอน สำหรับใครที่ชื่นชอบการตกแต่งห้องนอนสไตล์ลอฟท์หรือสไตล์โมเดิร์น การเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ลายหิน ลายหินอ่อน หรือลายหินขัด ช่วยเสริมการตกแต่งสไตล์นี้ได้ดี และยังดูแลรักษาง่ายอีกด้วย
- ห้องนั่งเล่น กระเบื้องแกรนิตโต้มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย เช่น ลายหินอ่อน ลายไม้ และสีพื้นทั่วไป จึงเหมาะกับพื้นที่รวมตัวของทุกคนในบ้านอย่างห้องนั่งเล่นได้เป็นอย่างดี
- ห้องครัว พื้นห้องครัวเป็นพื้นที่ที่ควรเลือกใช้วัสดุทนทาน เพราะต้องเผชิญกับทั้งคราบสกปรก ความชื้น และความร้อน ซึ่งความคงทนของกระเบื้องปูพื้นแกรนิตโต้นั้นตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดี
- ห้องน้ำ ควรเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านในห้องน้ำ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยจากอุบัติเหตุพื้นลื่น อีกทั้งกระเบื้องชนิดนี้ยังทนทานต่อความชื้น และทำความสะอาดได้อย่างสะดวก
- พื้นที่ภายนอกบ้าน เนื่องจากกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นกระเบื้องดูดซึมน้ำต่ำ จึงใช้กับพื้นที่ภายนอกได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระเบียงชั้นสอง ระเบียงหน้าบ้าน และลานซักล้าง
การยาแนวกระเบื้องด้วยกาวยาแนว
1.หากใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ควรแบ่งผสมกาวยาแนวในปริมาณพอเหมาะ เพื่อให้ยาแนวทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถทำงานได้ทันเวลา และกาวยาแนวไม่แห้งตัวในภาชนะผสม
2.แนะนำแบ่งผสมครั้งละ 2.5 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 4 ตารางเมตร หรือแบ่งผสมทีละครึ่งถุง เพื่อให้ใช้งานได้ทันก่อนกาวยาแนวแห้งตัวประมาณ 15 นาที ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ อาทิเช่น อุณหภูมิ ความหนากระเบื้อง และขนาดร่องยาแนว
3.เทกาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ลงในน้ำ จากนั้นเปิดเครื่องผสมรอบต่ำหรือใช้เกรียงใบโพธิ์กวนเนื้อยาแนวให้เข้ากันดี
4.ควรใช้กาวยาแนวให้หมดภายใน 20 นาที (ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ) เมื่อกาวยาแนวเหนียวข้น ห้ามเติมน้ำเพื่อทำให้เหลว ควรเททิ้งและผสมใหม่
Cast Your Impression With A Design
With premium products There are every style to choose from.